วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
คัสตาร์ดพุดดิ้ง
คัสตาร์ดพุดดิ้ง
หลังจากกินพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนมาพอหอมปากหอมคอแล้ว มาต่อกันที่คัสตาร์ดพุดดิ้งสุดคลาสิก หลายคนอาจเจอคัสตาร์ดพุดดิ้งมีกลิ่นคาว แต่สูตรนี้ไม่คาวนะคะ แถมยังมีความหอมของคาราเมลอีกด้วย ลองดูแล้วจะติดใจ
ส่วนผสม ซอสคาราเมล
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (เพื่อช่วยให้น้ำตาลไม่ไหม้เร็ว หรือน้ำตาลเป็นก้อน และช่วยให้ไม่ข้นเกินไป)
หมายเหตุ : ถ้าอยากให้มีรสเค็มให้ใส่เกลือได้ แต่ใส่แค่ปลายช้อนชาเท่านั้น
ส่วนผสม คัสตาร์ดพุดดิ้ง
• นมจืด 1 กล่อง (ประมาณ 250 มิลลิลิตร)
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (ใช้เบอร์ 3 จะได้กลิ่นไม่คาวมาก)
• น้ำตาลทรายป่น 2 ช้อนโต๊ะ
• นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ (เพื่อเพิ่มความมันและหอม)
• ผงเจลาติน 1 1/2 (หรือ 2 ช้อนชา เนื้อจะแน่น ๆ นุ่ม ๆ)
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
• หม้อ
• กระชอนกรอง
• ถ้วยตวง
• ช้อนตวง
• ถ้วยใส่คัสตาร์ดคาราเมล (ควรใช้พิมพ์โลหะ หรืออุปกรณ์ที่ทนความร้อน เพราะคาราเมลมีความร้อนเกิน 100 องศาเซลเซียส)
วิธีทำคาราเมล
1. ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงในหม้อ ใช้ไฟปานกลาง (ควรคนน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าก่อน พอเดือดจะได้ไม่จับกันเป็นก้อน) รอให้ตัวคาราเมลเดือดกลายเป็นสีน้ำตาลทอง (ไม่เอาน้ำตาลเข้ม เพราะมันจะขมมาก และระวังส่วนผสมกระเด็น)
2. เทคาราเมลลงใส่พิมพ์ ประมาณ 1/4 ของพิมพ์ พักไว้
วิธีทำคัสตาร์ด
1. ใส่นมจืด น้ำตาลทราย และนมข้นหวานลงไปในหม้อ ใช้ไฟปานกลาง
2. ตอกไข่ใส่ในภาชนะแล้วตีให้เข้ากัน
3. แบ่งส่วนผสมนมจากหม้อประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในผงเจลาติน คนให้เข้ากัน พักไว้
4. เมื่อต้มส่วนผสมนมจนบริเวณขอบ ๆ เริ่มเดือดแล้ว แบ่งเทใส่ลงในส่วนผสมไข่แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทกลับลงไปในส่วนผสมนมในหม้ออีกครั้ง
5. ใส่เจลาตินที่ผสมนมไว้ลงไป เปิดไฟเบา ๆ คนตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ไข่เป็นลิ่ม ๆ ต้มประมาณ 5 นาที หรือจนกว่าส่วนผสมข้นขึ้นแล้วยกขึ้นจากเตา
6. ใช้มือ (ข้างที่ไม่ถนัด) ถือกระชอนกรองวางไว้เหนือพิมพ์ที่ใส่คาราเมลเล็กน้อย เทคัสตาร์ดในหม้อลงเบา ๆ (กระชอนจะกรองเอาเศษลิ่ม ๆ ออก แล้วช่วยให้เนื้อคัสตาร์ดเนียน ไม่มีฟองอากาศ)
7. เมื่อเทส่วนผสมคัสตาร์ดใส่พิมพ์หมดแล้ว พักไว้ให้เย็นลงแล้วนำไปแช่ตู้เย็น ประมาณ 1/2 ชั่วโมง เวลาเสิร์ฟเพียงแค่คว่ำคัสตาร์ดลงบนจาน แล้วจัดการตักกินได้เลยค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560
โมจิหยดน้ำ
เคยสงสัยมานานว่าโมจิหยดน้ำ (Mizu Shingen Mochi) ทำยังไง
จะทำขายเฉพาะหน้าร้อน ความพิเศษของมันที่เห็นปุ๊บก็ต้องร้องว้าววววคือ..มีรูปร่างใสแจ๋วราวกับหยาดน้ำค้างบริสุทธิ์ สวยงาม ดูบอบบาง แบบว่าคิดได้ยังไงอ่ะ!! และถ้าจะบอกว่าเราสามารถทำทานเองที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องบินไปต่อติวยาวถึงญี่ปุ่น มาจัดให้แล้วจ้า จะบอกว่ามันง่าย และส่วนผสมน้อยมากๆ ดูตามนี้เลยค่ะ
จะทำขายเฉพาะหน้าร้อน ความพิเศษของมันที่เห็นปุ๊บก็ต้องร้องว้าววววคือ..มีรูปร่างใสแจ๋วราวกับหยาดน้ำค้างบริสุทธิ์ สวยงาม ดูบอบบาง แบบว่าคิดได้ยังไงอ่ะ!! และถ้าจะบอกว่าเราสามารถทำทานเองที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องบินไปต่อติวยาวถึงญี่ปุ่น มาจัดให้แล้วจ้า จะบอกว่ามันง่าย และส่วนผสมน้อยมากๆ ดูตามนี้เลยค่ะ
ส่วนผสม
1.) ผงวุ้นโมจิหยดน้ำ (WATER CAKE) ซอง 5 กรัม
2.) น้ำตาลทรายป่น 12 กรัม
3.) น้ำเปล่า 200-250 มล. (ปรับความนุ่มตามชอบ)
4.) น้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง (KOKUMITSU)
5.) ผงแป้งถั่วเหลือง (KINAKO)
2.) น้ำตาลทรายป่น 12 กรัม
3.) น้ำเปล่า 200-250 มล. (ปรับความนุ่มตามชอบ)
4.) น้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง (KOKUMITSU)
5.) ผงแป้งถั่วเหลือง (KINAKO)
อุปกรณ์
ง่ายๆ เพียงมี พิมพ์น้ำแข็งลูกบอล และ กรวยน้อยๆก็ได้แล้ว
ง่ายๆ เพียงมี พิมพ์น้ำแข็งลูกบอล และ กรวยน้อยๆก็ได้แล้ว
เมื่ออุปกรณ์ครบแล้ว ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ
วิธีทำ
1. ผงวุ้นญี่ปุ่น WATER CAKE ซอง 5 กรัม ผสมกับน้ำตาล 12 กรัม เข้าด้วยกัน
วิธีทำ
1. ผงวุ้นญี่ปุ่น WATER CAKE ซอง 5 กรัม ผสมกับน้ำตาล 12 กรัม เข้าด้วยกัน
2. เติมน้ำเปล่า 200-250 CC. (ปรับความนุ่มตามชอบ) เติมน้ำทีละนิด เพราะว่าวุ้นละลายยาก คนให้ผงวุ้นละลายแล้วค่อยเติมน้ำอีกนิด คนไปเรื่อยๆและเติมน้ำจนละลายใสเหมือนน้ำเปล่า
3.1 แบบใช้เตา นำไปตั้งไฟให้เดือด ทำให้วุ้นละลายจนหมด ยกลงจากเตา
3.2 หรือ ใช้ไมโครเวฟ เข้าที่ไฟแรง ประมาณ 1-2 นาทีจนเดือน นำออกมาคนให้เข้ากันอีก
3.2 หรือ ใช้ไมโครเวฟ เข้าที่ไฟแรง ประมาณ 1-2 นาทีจนเดือน นำออกมาคนให้เข้ากันอีก
4. กรอกลงไปในแม่พิมพ์รูปทรงกลม
5. ทิ้งไว้ให้เย็นเซตตัวในตู้เย็นแล้วค่อยนำออกจากพิมพ์ (ระหว่างนี้ เราสามารถไปเคี่ยวน้ำเชื่อมน้ำตาลแดงรอไว้ได้เลยนะคะ)
6. เตรียมภาชนะน่ารักๆ อย่างเช่นถาดใส่ทาโกะยากิ หรือ จะไทยๆใช้ใบตองก็เก๋ไปอีกแบบนะคะ
7. จัดวางวุ้นลงไปตรงกลาง เหยาะน้ำเชื่อม (KOKUMITSU) ข้างๆ (น้ำเชื่อมสามารถปรับมาใช้ คาราเมล หรือ เคี่ยวน้ำตลาทรายแดงเองก็ได้นะคะ)
8. โรยผงแป้งถั่วเหลือง(KINAKO)ลงไป (สูตรดัดแปลงสามารถใช้อัลมอนด์บดก็ได้นะคะ) เท่านี้ก็สวยงามฟรุ้งฟริ้งอร่อยพร้อมทานแล้วจ้า
ทำเสร็จแล้วก็รีบกินเลยนะจ๊ะ เพราะหยดน้ำนี้จะอยู่คงรูปแค่ 30 นาทีเท่านั้น!!
ตู้ขายไอศกรีมอัตโนมัติที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกโซเชี่ยล!
ครั้งแรกในญี่ปุ่น กับตู้ขายไอศกรีมอัตโนมัติจาก Baskin Robbins
ไอศกรีม Baskin Robbins ไอศกรีมชื่อดังจากสหรัฐที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่น้อย คนญี่ปุ่นเรียกไอศกรีม Baskin Robbins ว่า “Thirty one” ด้วยรสชาติที่มีให้เลือกเยอะ แถมยังมีเมนูพิเศษๆออกมาใหม่อยู่เรื่อยๆ จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ไอศกรีมยี่ห้อนี้ครองใจคนญี่ปุ่นอยู่เรื่อยมา และในตอนนี้ Baskin Robbins ก็ได้ออกตู้ขายไอศกรีมอัตโนมัติของแบรนด์มาเป็นครั้งแรก ให้แฟนคลับคนรักไอศกรีมสามารถมาหยอดตู้ซื้อ Baskin Robbins ได้ตลอด ตามไปดูกันเลยดีกว่าว่าตู้ขายไอศกรีมอัตโนมัติที่ว่ามันอยู่ที่ไหนในญี่ปุ่นกัน
ข้อดีของตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติก็คือ ซื้อได้ง่าย มีจำหน่ายตลอดเวลา ยิ่งถ้าสินค้าในนั้นคือไอศกรีมขวัญใจอย่าง Baskin Robbins ก็ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าตู้ดังกล่าวมันอยู่ที่ไหน? อย่ารอช้าเรารีบมาเฉลยกันดีกว่า ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติที่ว่าอยู่ที่ Kariya Highway Oasis ซึ่งอยู่ในจังหวัดไอจิ แค่เห็นหน้าตาของตู้ดังกล่าวก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นตู้ขายไอศกรีมของ Boskin Robbins ซึ่งตู้นี้มีอยู่แค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในประเทศญี่ปุ่น ณ ตอนนี้
ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมเป็นต้นมา ก็ได้มีการนำตู้ขายไอศกรีมอัตโนมัติของ Baskin Robbins มาตั้งที่นี่ และจำหน่ายในราคาอันละ 300 เยน ไอศกรีมที่มีขายในตู้คือ รสวนิลา, รสช็อคโกมินต์, พีช & มะม่วง, popping shower, chopped chocolate, caramel ribbon, berry berry strawberry ซึ่งจะมีอยู่ 2 ตู้ด้วยกัน ในตอนนี้ถือเป็นการทดลองวางจำหน่าย จึงมีตั้งไว้แค่ที่ Kariya Highway Oasis เท่านั้น ก็หวังว่าเสียงตอบรับดีๆแบบนี้จะทำให้มีการนำไปวางให้ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลย
วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ชูครีมกับเอแคลร์ต่างกันอย่างไร มาไขข้อข้องใจกันเถอะ
ชูครีม (Choux Cream) กับเอแคลร์ (Eclair) ชื่อเรียกขนมชนิดหนึ่งที่สร้างความสับสนงงงวยให้กับใครหลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอด ลองมาดูคำตอบที่แท้จริงกันดีกว่า เวลาเรียกจะได้ไม่ขายหน้า😘😘😘😘
ชูครีมกับเอแคลร์ เป็นขนมหวานจากประเทศฝรั่งเศสที่คงทำให้หลายคนสับสนไม่น้อยถึงความแตกต่างระหว่างขนมหวาน 2 ชนิดนี้ และยังมีหลายคนที่ยังเข้าใจผิดว่า ชูครีมและเอแคลร์คือขนมชนิดเดียวกัน วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาไขข้อข้องใจถึงความแตกต่างระหว่างชูครีมกับเอแคลร์ให้กับคุณค่ะ
สำหรับเอแคลร์ (Éclair) นั้นในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง สายฟ้า เอแคลร์เลยจะมีลักษณะยาวเหมือนกับสายฟ้า แล้วราดด้านบนด้วยช็อกโกแลต ไม่ได้สอดไส้ครีมเหมือนที่เราเข้าใจกันมาตลอด [คลิกดู วิธีทำเอแคลร์ ตำรับฝรั่งเศสแท้ ๆ 2 ไส้ 2 สไตล์ หวานละมุน]
ชูครีม (Choux Cream) และเอแคลร์ (Eclair) ล้วนแต่เป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศสที่ทำมาจากแป้งชนิดเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกอย่างกันอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ รูปทรง ชาวต่างชาติจะเรียกชูครีมว่า "ชูซ์ อา ลาเคร์ม" (Choux a la Crème) แปลตรงตัวก็คือ กะหล่ำปลีมีครีม ซึ่งมาจากคำว่า "ชูซ์" ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง กะหล่ำปี ชูครีมเลยมีรูปร่างคล้าย ๆ กะหล่ำปีทรงกลม ๆ สอดไส้ด้วยครีมต่าง ๆ ส่วนคำว่า ชูครีม ก็มาจากการรวบคำให้พูดได้ง่ายขึ้นนั่นเอง [คลิกดูวิธีทำ ชูครีม แสนสวยกับไส้ครีมแสนหวาน ลูกน้อย ๆ น่าเอ็นดู]
พอจะไขข้อข้องใจความแตกต่างระหว่างชูครีมและเอแคลร์กันไปได้บ้างแล้ว ทีนี้ก็พอจะแยกออกกันแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งสังเกตง่าย ๆ จากรูปร่างที่ไม่เหมือนกัน คราวนี้ใครที่ต้องการกินชูครีมหรือเอแคลร์ก็จะไม่สับสนอีกต่อไป แถมยังเรียกได้อย่างถูกต้องไม่อายพนักงานด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)